แบรนด์ค้าปลีกชื่อดังที่เคยประสบปัญหาอย่าง RadioShack, Modell’s Sporting Goods, Pier 1 Imports, Dress Barn, และ Linens ‘n Things มีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งคือ พวกเขาทั้งหมดถูกเข้าซื้อกิจการโดยบริษัท Retail Ecommerce Ventures (REV) ซึ่งบริหารโดย Tai Lopez และ Alex Mehr

ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้กล่าวหาว่า Lopez และ Mehr ใช้แบรนด์เหล่านี้ในการดำเนิน แผนการ Ponzi (แชร์ลูกโซ่) มูลค่า 112 ล้านดอลลาร์เพื่อหลอกลวงนักลงทุน
การหลอกลวงนักลงทุนด้วยแบรนด์เก่า
คำฟ้องของ SEC ระบุว่า ธุรกิจหลักของ REV คือการหาบริษัทที่ประสบปัญหาทางการเงินแต่ยังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก จากนั้นระดมทุนจากนักลงทุนเพื่อซื้อสินทรัพย์ของแบรนด์ และเปลี่ยนให้เป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ประสบความสำเร็จ
ระหว่างปี 2020 ถึง 2022 Lopez และ Mehr ได้ “กล่าวอ้างที่บิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างเป็นสาระสำคัญ” เพื่อระดมเงินจากนักลงทุนหลายร้อยคน โดย REV อ้างว่ากลยุทธ์ของพวกเขาเป็น “หนึ่งในกลยุทธ์ที่ดีที่สุดที่คุณสามารถลงทุนได้” และยังบอกนักลงทุนว่าแบรนด์ในเครือ “กำลังร้อนแรง” และ “มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง” นอกจากนี้ยังสัญญาว่าเงินทุนจะถูกนำไปลงทุนในบริษัทที่ระบุไว้เท่านั้น
แต่ในความเป็นจริง SEC ระบุว่า แม้ว่าแบรนด์บางส่วนของ REV จะสร้างรายได้ แต่ ไม่มีแบรนด์ใดทำกำไรได้เลย
การใช้เงินนักลงทุนรายใหม่จ่ายรายเก่า (Ponzi Scheme)
SEC กล่าวหาว่าเพื่อนำเงินไปจ่ายดอกเบี้ย เงินปันผล และชำระหนี้ตามกำหนดจำนองแก่กลุ่มนักลงทุนเก่า จำเลยทั้งสองจึงต้องใช้เงินกู้จากแหล่งภายนอก เงินทุนหมุนเวียนล่วงหน้า เงินที่ระดมได้จากนักลงทุนรายใหม่และรายเดิม รวมถึงการโอนเงินจากบริษัทในเครืออื่น ๆ
คำฟ้องระบุว่า “ผลตอบแทนที่จ่ายให้กับนักลงทุนอย่างน้อย 5.9 ล้านดอลลาร์ แท้จริงแล้วคือ การจ่ายเงินแบบ Ponzi ที่เอาเงินจากนักลงทุนรายใหม่มาจ่าย” นอกจากนี้ SEC ยังระบุว่า Lopez และ Mehr ได้นำเงินลงทุนไปใช้ส่วนตัวอย่างน้อย 16 ล้านดอลลาร์ อีกด้วย
RadioShack และประวัติของ Tai Lopez
Tai Lopez เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักการตลาดออนไลน์ที่เคยทำโฆษณาไวรัลบน YouTube เช่น “Here in My Garage” ซึ่งเขาโชว์รถ Lamborghini เพื่อโปรโมตหลักสูตร “รวยเร็ว” ของเขา
ภายใต้การดูแลของ REV แบรนด์ RadioShack ได้พยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์สู่แพลตฟอร์มคริปโทเคอร์เรนซีในปี 2022 ควบคู่ไปกับการตั้งร้านค้าอีคอมเมิร์ซ โดยมีการใช้กลยุทธ์การโพสต์ข้อความ “สุดโต่ง” บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในขณะนั้น
นอกจาก Lopez และ Mehr แล้ว SEC ยังฟ้อง Maya Burkenroad ซึ่งถูกแนะนำให้นักลงทุนรู้จักในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ที่มีประสบการณ์ในการบริหารบริษัทมูลค่านับล้านดอลลาร์มานาน 10 ปี แต่ในความเป็นจริง เธอคือลูกพี่ลูกน้องของ Lopez ที่เคยทำงานเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเขามาก่อน
การใช้ชื่อเสียงของแบรนด์ค้าปลีกที่ล้มเหลวมาเป็นเครื่องมือในการหลอกระดมทุน ถือเป็นกลยุทธ์ที่ร้ายกาจในโลกธุรกิจยุคใหม่ คุณคิดว่าบทเรียนนี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อการเข้าซื้อแบรนด์เก่าอย่างไรบ้าง?

ใส่ความเห็น